สกสว.เปิดเวทีร่วมแก้วิกฤติน้ำท่วมภาคใต้ มุ่งให้หน่วยปฏิบัติใช้ข้อมูลวิชาการมากขึ้น...

สกสว.เปิดเวทีร่วมแก้วิกฤติน้ำท่วมภาคใต้มุ่งให้หน่วยปฏิบัติใช้ข้อมูลวิชาการมากขึ้น
สกสว.ระดมสมองหน่วยงานร่วมกองทุน ววน. แก้ปัญหาวิกฤติน้ำท่วมภาคใต้ วิเคราะห์ช่องว่างปัญหา การเข้าถึงข้อมูลวิชาการ และแนวทางการสนับสุนนเพื่อลดปัญหาภัยพิบัติของประเทศ โดยมุ่งทำแผนปฏิบัติการจากชุมชนท้องถิ่นสู่ระดับจังหวัด 
วันที่ 3 ธันวาคม ศ.ดร. สมปอง คล้ายหนองสรวง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) เป็นประธานการประชุมหารือเรื่องกองทุน ววน. กับการแก้ปัญหาวิกฤติน้ำท่วมภาคใต้ ณ ห้องประชุม สกสว. โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานในกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเข้าร่วมหารือ ประกอบด้วย สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) (สสน.) สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) (GISTDA) โดยมีวาระสำคัญคือ การวิเคราะห์ช่องว่างของปัญหา ข้อมูลวิชาการ รวมถึงแนวทางการสนับสนุนเพื่อลดผลกระทบภัยพิบัติของประเทศ การสื่อสารและใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยสู่หน่วยงานภายนอกกระทรวง อว. โดยเฉพาะหน่วยงานตามภาระกิจในระดับปฏิบัติการ และประชาชนทั่วไป โดยเป้าหมายสำคัญ คือ การพยายามจัดทำแผนปฏิบัติจากชุมชนท้องถิ่นสู่ระดับจังหวัด
ผู้อำนวยการ สกสว. ระบุว่า สกสว. และกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ยินดีเป็นตัวกลางสนับสนุนงานภัยพิบัติของประเทศอย่างเร่งด่วนและในระยะยาว ตามดำริของนายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมว.กระทรวง อว. ในการพัฒนางานวิจัยอย่างเข็มแข็งและขับเคลื่อนแผนงานลดผลกระทบภัยพิบัติของประเทศให้ชัดเจนมีเอกภาพยิ่งขึ้น โดยปัจจุบันกองทุน ววน. ได้สนับสนุนแผนงานวิจัยการนำงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ตามยุทธศาสตร์ “น้ำมั่นคง ไม่ท่วม ไม่แล้ง ใน 10 จังหวัด” ผ่าน วช. รวมถึงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการน้ำของประเทศ และเป็นคลังข้อมูลน้ำแห่งชาติ โดยมีผลงานเด่น เช่น การพยากรณ์ฝนและแจ้งเตือนภัยผ่านแอปพลิเคชันโทรศัพท์มือถือ “ThaiWater” ขณะที่GISTDAใช้ข้อมูลจากดาวเทียมติดตามและประเมินสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ต่าง ๆอย่างต่อเนื่อง 
รศ. ดร.สุจริต คูณธนกุลวงศ์ ผู้อำนวยการแผนงานวิจัยฯ น้ำมั่นคงฯ กล่าวว่า ความรุนแรงของเหตุการณ์อุทกภัยในภาคใต้เป็นโจทย์ของพื้นที่ ซึ่งขณะนี้มีการแต่งตั้งคณะทำงานระยะสั้นเพื่อทบทวนและสรุปบทเรียน ตลอดจนข้อเสนอแนะ เน้นการวิเคราะห์จุดอ่อนและจุดเชื่อม โดยในระยะสั้นจะประมวลผลจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อเสนอทั้งแผนระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวเสนอรัฐบาลต่อไป ทั้งนี้ในทางปฏิบัติยังมีประเด็นปัญหาเรื่องการบริหารจัดการน้ำผ่านดุลยพินิจของท้องถิ่น  จึงต้องนำข้อมูลวิชาการไปผนวกกับ Standard Operating Procedure  (SOP) หรือมาตรฐานขั้นตอนการปฏิบัติงานแก่ผู้ปฏิบัติหน้างาน รวมถึงแผนการอบรมทำงานร่วมกับทางจังหวัด ขณะที่ในระยะยาวยังมีปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลต่อการบริหารจัดการน้ำ อาจทำให้ระบบการปฏิบัติการทางสังคมเปลี่ยนไปจากเดิม ดังนั้นการวิจัยด้านวิทยาศาสตร์จึงต้องปรับตัวให้เข้ากับประชาชนและบริบทในสังคม นำองค์ความรู้ไปเชื่อมกับผู้ปฏิบัติเพื่อให้แก้ไขสถานการได้อย่างรวดเร็วอย่างมีประสิทธิภาพ
ด้าน น.ส.เสาวณีย์ มุ่งสุจริตการ รองผู้อำนวยการ วช. เสริมว่า กระทรวง อว. มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการศึกษาและวางแผนทางการแก้ปัญหาอุทกภัยหาดใหญ่อย่างยั่งยืน โดยมีคณะทำงาน 5 ด้าน ประกอบด้วย ฐานข้อมูล การเตือนภัย การกู้ภัย การบรรเทาภัย และมาตรฐานสนับสนุนช่วยเหลือและกฎหมาย 
ขณะที่ ดร.รอยบุญ รัศมีเทศ ผู้อำนวยการ สสน. เผยว่า สถานการณ์อุทกภัยที่ผ่านมาทั้งในภาคเหนืและภาคใต้ สสน. ทำงานร่วมกับกองทัพภาค และผลักดันการทำงานของศูนย์น้ำ อว. รวมถึงหารือกับกรมอุตุนิยมวิทยา และGISTDA เรื่อง National Warning for All  ข้อมูลสถานะน้ำท่วม ซึ่งสามารถชี้เป้าพื้นที่น้ำท่วม-น้ำแล้งล่วงหน้า 6 เดือน ทำให้มีข้อมูลพร้อมใช้งานและเชื่อมโยงกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แต่ปัญหาใหญ่ที่อยากผลักดันต่อ คือ การพัฒนาระบบและพัฒนาคน ทั้งเรื่องการสั่งการสถานการณ์ การกีดขวางทางน้ำ และการเข้าถึงข้อมูลของผู้นำท้องถิ่น เพื่อบริหารจัดการน้ำได้ทันท่วงที ทั้งนี้ในวันที่ 1 มกราคม 2569 จะเปิดตัวแดชบอร์ดที่ทำร่วมกันกับGISTDAและกรมอุตุนิยมวิทยา
นางกานดาศรี ลิมปาคม รองผู้อำนวยการGISTDA กล่าวเสริมว่า GISTDAสามารถประเมินสถานการณ์ได้ทั้งปริมาณน้ำและความลึก รวมถึงความเสียหายจากภัยพิบัติ และมีแอปพลิเคชันให้ประชาชนใช้งาน ที่สามารถเตือนภัยได้ระดับบุคคล นอกจากนี้ยังพยายามพัฒนาการคาดการณ์ล่วงหน้าได้มากขึ้น โดยในปี 2568 ดำเนินการใน 100 ชุมชน และจะขยายพื้นที่เพิ่มเติมเพื่อให้สามารถนำไปใช้ทั่วประเทศโดยเร็ว สำหรับสิ่งที่อยากดำเนินการเพิ่มเติม คือ การใช้ดาวเทียมดูปริมาณไอน้ำในชั้นบรรยากาศและทิศทางลม เพื่อคาดการการเกิดฝนในพื้นที่ใดบ้าง จากการพยากรณ์มวลไอน้ำ ประกอบกับปริมาณเมฆฝนของ สสน. รวมถึงการประเมินสถานการณ์ภัยแล้งที่มีผลกระทบสำคัญต่อภาคการเกษตร ทำงานร่วมกับกระทรวงเกษตรในการแจ้งเตือนและการชดเชยแก่เกษตรกร 
“เราจะบูรณาการงานร่วมกัน เพื่อให้มีผลกระทบชัดเจนและเสนอแนะแก่รัฐบาล โดยสิ่งที่ทุกหน่วยงานดำเนินการอยู่มีความสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อประเทศ ซึ่งหน่วยงานในกระทรวง อว. มีข้อมูลเพียงพอในการพยากรณ์สำหรับเตือนภัย  แม้จะพบว่าโจทย์ใหญ่คือการเข้าถึงข้อมูลของทุกภาคส่วน โดยข้อมูลจากหน่วยงานในกระทรวง อว. เป็นตัวเสริมเพื่อประกอบการตัดสินใจวางแผนบริหารจัดการน้ำ  ซึ่งหากทำนายได้แม่นยำก็จะได้รับความเชื่อถือจากประชาชน และควรจะประชาสัมพันธ์ให้คนใช้ข้อมูลเหล่านี้มากขึ้น  สิ่งที่คาดหวังคือ ต้องทำงานกับทุกภาคส่วนมากขึ้น เชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานต่าง ๆ และมีคณะทำงานการถอดบทเรียน โดย สกสว.ยินดีสนับสนุนให้เกิดการผลักดันการเชื่อมโยงข้อมูลวิชาการสู่ภาคปฏิบัติ เพื่อการตัดสินใจในภาวะวิกฤติ ซึ่งเป็นประเด็นท้าทายอย่างมาก” ผู้อำนวยการ สกสว.กล่าวสรุป
_________________________

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปลัดกระทรวงวัฒนธรรมร่วมเปิดตัวภาพยนตร์แอนิเมชั่นไทยฟอร์มยักษ์แห่งปี "นักรบมนตรา ตำนานแปดดวงจันทร์ "

ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)คนใหม่...

วธ.จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระราชกุศลฯ